การทาลิปสติกทำให้ริมฝีปากสวยดูโดดเด่นขึ้น ลิปสติกมีส่วนช่วยในการขับสีของดวงตา เพิ่มความสดใสให้รอยยิ้ม และเติมความมั่นใจได้อีกด้วย
นอกจากนี้ลิปสติกยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีก เช่น Love Me Liquid Lipcolour ที่มีส่วนผสมของ TLC Lip Complex ช่วยปรับสมดุลริมฝีปากด้วยน้ำมันอาร์แกน น้ำมันมะพร้าว เชียร์บัตเตอร์ คาร์นูบาบัตเตอร์ สารสกัดจากบาร์เลย์ และแตงกวา

การทาลิปสติกแบบฉบับมืออาชีพมีขั้นตอนดังนี้ เริ่มจากขจัดผิวแห้งลอกด้วยสครับหรือใช้แปรงสีฟันอ่อน ๆ ขัดเบา ๆ บริเวณริมฝีปาก ตามด้วยลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้น จากนั้นปรับผิวริมฝีปากให้เรียบเนียนด้วยไพรเมอร์ ใช้ไลเนอร์เขียนขอบปาก และเมื่อทาลิปสติก เช่น Love Me Lipstick ซับเบา ๆ ด้วยกระดาษทิชชู่ เติมสีลิปสติกตามต้องการ ใช้ลิควิดคอนซีลเลอร์และแปรงลิปเก็บรายละเอียดเพื่อความสมบูรณ์แบบ

ลิปสติกและลิปกลอสแตกต่างกันที่ฟินิชลุคที่ได้ ลิปสติกมีหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นบางเบา ครีมมี่ ซาติน กึ่งแมท และเนื้อแมท ลิปสติกอาจให้ความเงาวาวแต่ก็ไม่เท่ากับลิปกลอส ซึ่งจะมีความเงา เล่นแสงมากกว่า หากต้องการลุคที่วาววับแบบกลาสซี่ ลิปกลอสอย่าง Lipglass คือตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ

ไพรเมอร์คือขั้นตอนแรกของการเตรียมริมฝีปาก เลือก Prep + Prime Lip ลิปไพรเมอร์อันดับหนึ่งในอเมริกา* เพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยให้สีลิปสติกติดชัดขึ้น
ควรสครับริมฝีปาก ทาลิปบาล์ม ลงไพรเมอร์บาง ๆ เพื่อความเรียบเนียนก่อนทาลิปสติก
*Source: The NPD Group/ U.S. Prestige Beauty Total Measured Market, Makeup Product Sales, Calendar Year 2020

การเลือกลิปสติกขึ้นอยู่กับฟินิชที่ต้องการ โอกาสต่าง ๆ และสภาพผิว สำหรับริมฝีปากที่แห้งลอก ควรเลือกใช้ลิปสติกที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น สูตรซาติน หรือเนื้อครีม ลิปสติกเนื้อกึ่งแมทและเนื้อแมทจะให้ความชุ่มชื้นน้อยกว่า แต่จะมีคุณสมบัติติดทนนานและค่อนข้างกันน้ำ
ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาตินบางเบา เหมาะสำหรับลุคเบา ๆ สบาย ๆ ในขณะที่ลิปสติกเนื้อครีมมี่จะให้ลุคที่ดูแมท เกล็ดระยิบระยับในฟรอสต์ลิปสติกให้ฟินิชชิมเมอร์แวววาว ส่วนลิปกลอสให้ริมฝีปากเงาวาวขั้นสุด